วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

มองภาพระยะยาวกับเป้าหมายการออม

    
     เมื่อวานนี้มีน้องคนหนึ่งถามผมว่า ทำอย่างไรเขาถึงจะเก็บเงินได้เยอะ ๆ เรานั่งคุยกันไม่นาน ผมอธิบายวิธีการให้เขาฟังใช้เวลาสัก 15 นาที แบบสรุป ๆ เพราะเขาต้องมีงานทำต่อ ผมพบว่าความคิดของคนส่วนใหญ่มักจะมองภาพในระยะสั้นมากกว่าภาพในระยะยาว หลายคนอาจจะบอกผมว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ให้อยู่กับปัจจุบัน เหมือนอย่างที่หลักการทางพุทธศาสนาเราสอนไว้ แนวคิดนี้เป็นจริงเสมอสำหรับชาวพุทธอย่างพวกเรา ในชีวิตจริงอนาคตเป็นสิ่งที่เราต้องคิดถึงเสมอด้วยเหตุที่มันเป็นแผนการที่เราจะต้องทำต่อไป เช่น พรุ่งนี้เราจะต้องเดินทางไปไหน แต่ในความเป็นจริงคือเราอยู่ในวันนี้และกำลังมีกิจกรรรมในวันนี้ นี่เป็นสิ่งที่เราจะต้องอยู่กับปัจจุบันกับกิจกรรมเหล่านั้น ในระหว่างนี้อาจเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันที่ทำให้เราไม่ได้เดินทางวันพรุ่งนี้ก็ได้ มันจึงเป็นเรื่องที่เราถูกสอนให้อยู่กับปัจจุบันเสมอมา ปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราต้องอยู่กับมัน อนาคตเป็นสิ่งที่เราต้องวางแผนเสมอ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเราจะไม่วางแผนอนาคต แม้แต่เย็นนี้เราจะต้องทำอะไรเราก็คิดกันอยู่แล้ว 

     การวางแผนอนาคตเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคนเรา โดยที่เราจะมีเป้าหมายเพื่อจะเดินทางไปให้ถึง เป้าหมายที่จะเดินทางมีทั้งเป้าหมายในระยะสั้น เป้าหมายระยะกลาง และเป้าหมายระะยาว ระยะเวลาเท่าไหร่จึงจะถือว่าเป็นระยะสั้นหรือระยะยาวผมคงไม่สามารถบอกได้ทั้งหมดทุกเป้าหมาย ขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายนั้นคืออะไร ผมยกตัวอย่าง หากเราต้องการสร้างบ้านให้เสร็จภายในสามเดือน เป้าหมายระยะสั้นคือ การออกแบบบ้านให้ได้ก่อน พอได้แบบก็หาผู้รับเหมา เป้าหมายระยะกลางอาจจะเป็นการได้โครงสร้างบ้านภายในหนึ่งเดือน ส่วนเป้าหมายระยะยาวคือ ได้บ้านที่สมบูรณ์พร้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในบ้านในระยะเวลาสามเดือนหลังจากเริ่มวางแผน เราจะเห็นว่า การที่เรามีเป้าหมายต่าง ๆ ต้องมีระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ในแต่ละเป้าหมายมีระยะเวลาที่เหมาะสมของมันอยู่ 

     เรื่องการออมก็เช่นกัน มีเป้าหมายที่เราจะต้องไปให้ถึงตามการวางแผนของเรา หากเรากำหนดระยะเวลาในระยะสั้นเพื่อที่จะทำให้ถึงเป้าหมายเร็วขึ้น สิ่งที่เราจะต้องเจอคือความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก หรืออย่างการสร้างบ้านก็เช่นกันหากเราต้องการสร้างบ้านให้เสร็จภายในหนึ่งเดือน สิ่งที่ตามมาคือ โครงสร้างภายในบ้านอาจจะไม่มั่นคง ความละเอียดเรียบร้อยในการตกแต่งอาจจะไม่ดีพอ เพราะเหตุของการทำงานที่ต้องเร่งรีบมากเกินไปเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายของเราจนขาดความรอบคอบในการทำงาน ในส่วนการออมสำหรับชีวิตอนาคตระยะเวลาหนึ่งปี สองปี อาจจะไม่ใช่เป้าหมายการออมในระยะยาวเพื่อการมีอิสรภาพทางการเงินที่ผมเล่าให้พวกเราฟังเสมอ ๆ คือการที่เรามีเงินใช้จ่ายได้ตลอดแม้ว่าเราไม่ต้องทำงานแล้วก็ตาม การที่เราต้องการทำให้ได้ตามเป้าหมายในระยะเวลาดังกล่าวมันคือการทำตามเป้าหมายที่มีความเสี่ยงสูงมากสำหรับคนที่ยังมีเงินออมน้อยหรือกลุ่มคนชั้นกลางในสังคม หากเรามองภาพในระยะยาวความเสี่ยงของการออมจะลดลงไปมาก ระยะยาวสำหรับการออมอาจใช้เวลานานถึงห้าปี สิบปี ยี่สิบปี หรืออาจยาวนานถึงสามสิบปีก็เป็นได้ที่จะทำให้เราได้ตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เป้าหมายสำหรับการมีอิสระภาพทางการเงินเป็นเป้าหมายที่ทุกคนสามารถตั้งได้และสามารถทำให้สำเร็จได้ ขอให้เรามีความเพียร อดทน การรอคอยระยะเวลาสิบปี ยี่สิบปีอาจยาวนานเกินไปสำหรับใครบางคน แต่หากวันนั้นมาถึงเราจะมีความภาคภูมิใจกับสิ่งที่เราทำได้แทนที่ความเสียใจที่เราไม่ได้ทำตั้งแต่วันนี้

     คนส่วนใหญ่ที่ผมพบและพูดคุยหรือแม้แต่หนังสือหลายเล่มที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนเพื่อความร่ำรวยมักจะมองในภาพระยะสั้นโดยที่มักจะลืมกล่าวถึงภาพในระยะยาวที่เป็นการออมตลอดชีวิตหรือการออมเพื่อการเกษียณหรือการมีอิสรภาพทางการเงิน สิ่งเหล่านี้ผมมักจะคุยให้กับคนที่ถามผมเสมอว่าระยะเวลาเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้ผลตอบแทนในการลงทุนจากการออมของเรา ผลตอบแทนแบบทบต้นจะเป็นตัวช่วยให้เรามีความมั่งคังได้โดยระยะเวลาเป็นตัวแปรที่สำคัญเช่นกัน ระยะเวลาที่ยาวนานเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับคนทั่วไปจะสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในวิธีต่าง ๆ ได้ ส่วนผลตอบแทนที่ได้ถึงขั้นมากมายมหาศาลจนเป็นมหาเศรษฐี จะขึ้นกับความรู้ความสามารถของคนคนนั้นในการมอง เข้าใจ และสามารถวิเคราะห์การลงทุนแต่ละประเภทได้เหนือกว่าคนทั่วไป แต่สำหรับคนทั่วไปมีวิธีการที่จะพาเราไปสู่อิสรภาพทางการเงินที่ไม่ต้องถึงขั้นเป็นมาหาเศรษฐีได้เช่นกัน

     สำหรับการเริ่มต้นการออม สิ่งแรกที่เราต้องจัดการให้ได้ก่อนเสมอคือหนี้สิน หากเรามีหนี้สินที่รวมกับค่าใช้จ่ายแล้วเท่ากับหรือมากกว่ารายรับที่เราหาได้ การออมจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนการจัดการกับหนี้สินมีวิธีที่หลากหลายขึ้นอยู่กับว่าหนี้สินนั้นเป็นหนี้อะไร ผมคงไม่สามารถช่วยเราทุกคนจัดการกับหนี้สินของแต่ละคนให้หมดไปได้ แต่พอจะช่วยแนะนำและหาทางออกให้ได้ เมื่อไหร่ที่เราสามารถจัดการกับตนเองจนสามารถมีค่าใช้จ่ายรวมกับหนี้สินน้อยกว่ารายรับที่เราหาได้ก็จะถึงขั้นเริ่มต้นการออมต่อไป สิ่งหนึ่งที่ผมมักจะบอกกับคนที่คุยกับผมเสมอว่า ถ้าเรามีเป้าหมายอย่างหนึ่งแล้ว ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้ แต่ถ้าเราคิดว่าเราทำไม่ได้เราก็จะทำไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับความคิดของเรา หากเราคิดใหญ่เราจะได้เป้าหมายที่ใหญ่และมันจะเป็นแรงผลักดันให้เราไปถึงเป้าหมายนั้นได้ หากเราคิดเล็กเป้าหมายก็จะเล็กตามและถึงเราจะทำสำเร็จมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการก็ได้ เราอาจจะเคยได้ยินวลีที่มีคนสอนว่า "คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก" นี่คือสิ่งที่ช่วยกำหนดเป้าหมายของเราได้ร่วมกับการวางแผนโดยมองภาพในระยะยาวที่ช่วยลดความเสี่ยงในการออมและการลงทุนของเราและยังสามารถประยุกต์เข้ากับการทำงานในเรื่องอื่นได้อีกด้วย แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเราได้เริ่มต้นทำหรือยัง


ไม่มีความคิดเห็น: