วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

งานแต่งงานกับการมีชีวิตคู่


    
     ช่วงนี้ผมมีแผนการไปร่วมงานแต่งงานเพื่อนหลายคน รู้สึกว่าปีนี้จะมีเพื่อนแต่งงานกันหลายคู่ตั้งแต่ต้นปี สำหรับผมโอกาสแบบเพื่อนผมคงไม่มี งานแต่งงานมีทั้งงานของเพื่อนสมัยมัธยม งานของเพื่อนสมัยเรียนแพทย์เชียงใหม่ หลายงานเลยทีเดียว เมื่อวานนี้ก็พลาดไปงานเพื่อนสมัยเรียนแพทย์เชียงใหม่เนื่องจากมีเหตุฉุกเฉินที่ปลีกตัวไปไม่ได้ หากนั่งนึกดูตามหลักเศรษฐศาสตร์และการลงทุนแล้วพบว่า เราต้องมีค่าใช้จ่ายในการไปร่วมงานมากเลยทีเดียว งานเหล่านี้ลักษณะเหมือนการระดมทุนให้สำหรับผู้จัดงาน สำหรับผู้ร่วมงานและร่วมสมทบทุนจะเป็นการลงทุนที่ขาดทุนเสมอ ๆ โอกาสในการได้กำไรแทบจะไม่มี ยกเว้นว่าเราจะมีการจัดงานลักษณะเดียวกันมากกว่างานที่เราเข้าไปร่วมงาน แต่โอกาสเช่นนี้เป็นไปได้น้อยมากในคนคนหนึ่งที่จะจัดงานมากกว่างานที่เราไปร่วม เพราะหากเราจะไม่ไปร่วมงานใครเลย คนอื่น ๆ ก็อาจจะไม่มาร่วมงานเราด้วยเช่นกัน เราคงเคยได้ยินว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็คือ ภาษีสังคม 

     จริง ๆ แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายในการไปร่วมงานผมคิดว่าคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับหลาย ๆ คน สำหรับผมก็เช่นกัน เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ใช่ประเด็นสำคัญของผมเลย เพียงแค่อยากเล่าถึงความเป็นจริงของเรื่องเหล่านี้เท่านั้นเอง ผมอยากไปร่วมงานเพื่อนผมทุก ๆ คนที่ผมทราบข่าวและมีเวลาว่างที่จะไปได้ เหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งคือผมอยากไปเจอเพื่อนผมหลังจากที่พวกเราไม่ได้เจอกันมานาน มันมีความรู้สึกดีเสมอที่พวกเราได้เจอกัน บรรยากาศเช่นนี้ผมอยากเก็บมันไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมสามารถจะทำได้และโอกาสของผมจะเอื้ออำนวย  ผมยินดีกับเพื่อน ๆ ที่ได้แต่งงานเสมอ ๆ การแต่งงานบางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นการประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก สำหรับผมที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องความรัก คิดว่า มันเป็นเรื่องของการเริ่มต้นของความรักรูปแบบชีวิตคู่มากกว่า ความสำเร็จสำหรับเรื่องนี้เป็นสิ่งที่บอกยากเพราะเป้าหมายของแต่ละคนในเรื่องการมีชีวิตคู่มันต่างกัน ถึงแม้ว่า วันนี้เราอาจจะบอกว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว แต่ความล้มเหลว มันอาจจะเป็นวันพรุ่งนี้ก็ได้ จึงเป็นเรื่องที่มีความผันแปรสูง อยู่ที่คนสองคนว่าจะจัดการปัญหาที่จะนำไปสู่ความล้มเหลวได้อย่างไร 

     เราเคยเรียนกันมาว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราจึงต้องการอยู่ร่วมกับคนอื่น การอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวเดียวดายมันทำให้เราอยู่อย่างลำบาก แต่การที่อยู่ร่วมกับคนจำนวนมากเกินพอดีมันก็เกิดปัญหาอีกเช่นกัน ความพอดีอยู่ที่ไหนขึ้นอยู่กับคนคนนั้นจะนิยามมัน ความรักและการมีชีวิตคู่เป็นสิ่งที่มนุษย์เราต้องการในฐานะที่เราเป็นสัตว์สังคม ก็ด้วยเหตุที่เราไม่ต้องการอยู่คนเดียว อย่างน้อยก็ขอให้มีใครสักคนอยู่ด้วย แต่เรื่องความรักและการชีวิตคู่แล้วมีกันอยู่สามคนในแบบสามีภรรยาหรือแบบคู่รัก คงไม่ใช่นิยามของชีวิตคู่ มันจะกลายเป็นชีวิตคี่ไปเสียแล้ว หรือแม้จะมีสี่คนหรือหกคนซึ่งก็ถือว่าเป็นคู่ แต่มันก็คงไม่ใช่ชีวิตคู่ตามนิยามของคนทั่วไป และมันจะนำมาซึ่งปัญหาสำคัญ ๆ ตามมา ดังนั้นการที่พวกเราเป็นสัตว์สังคมต้องการอยู่ร่วมกับคนอื่นจึงต้องมีขอบเขตของความสัมพันธ์เสมอ เราจึงจะอยู่กันอย่างมีความสุข สำหรับผมคงมีชีวิตคี่ อยู่อย่างโดดเดี่ยว แต่ยังมีความต้องการของความเป็นสัตว์สังคม ต้องการความสัมพันธ์กับคนอื่นในรูปแบบครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน ถึงแม้ว่าผมคงไม่มีโอกาสมีชีวิตคู่เหมือนเพื่อน ๆ ของผมและผมคงไม่พยายามค้นหาจนผมต้องทุกข์ใจ ถึงอย่างไรความสุขของการมีชีวิตคี่มันก็มีได้อย่างที่ผมมีอยู่ทุกวันนี้ 

ไม่มีความคิดเห็น: