วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

9 สัญญาณอันตรายของอาการปวดศีรษะ

    
    ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และการตรวจทางรังสีวิทยาในผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะ ผมขอนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์จากศูนย์สมอง และระบบประสาท โรงพยาบาลเวชธานีเกี่ยวกับสัญญาณอันตรายของอาการปวดศีรษะ สำหรับใครที่ปวดหัวบ่อย ๆ ลองสังเกต 9 สัญญาณอันตรายที่จะกล่าวต่อไปนี้กันดูนะครับ เริ่มจาก

1.
โรค และอาการเจ็บป่วยทางกายอื่นๆ ที่เกิดร่วมกับอาการปวดศีรษะ เช่น มีไข้ หนาวสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักลด มีประวัติโรคมะเร็ง การติดเชื้อ หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น เอชไอวี ผู้ที่รับประทานยาบางประเภท เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาละลายลิ่มเลือด ยาลดภูมิคุ้มกัน ประวัติเหล่านี้บ่งบอกถึงโรคติดเชื้อ การอักเสบ และการแพร่กระจายของมะเร็ง

2.
อาการแสดงผิดปกติทางระบบประสาท ได้แก่ พฤติกรรม หรือบุคลิกภาพเปลี่ยนจากเดิม แขนขาอ่อนแรง ชา หรือการรับรู้ประสาทสัมผัสผิดปกติ การมองเห็นหรือการได้ยินผิดปกติ

3.
อาการปวดศีรษะที่เริ่มต้นหลังตื่นนอน มักบ่งบอกถึงภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงกว่าปกติ

4.
อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นรุนแรงอย่างเฉียบพลัน ซึ่งมักใช้เวลาเป็นเสี้ยววินาที บ่งบอกถึงภาวะวิกฤตของหลอดเลือดสมอง ทั้งเส้นเลือดสมองตีบ และแตก

5.
อาการปวดศีรษะครั้งแรกหลังอายุ 50 ปี แม้ว่าโรคปวดศีรษะปฐมภูมิหลาย ๆ ชนิดอาจเริ่มต้นครั้งแรกหลังอายุ 40-50 ปี แต่อายุที่มากขึ้นมักสัมพันธ์กับโรคอื่นๆ ที่อาจจะเป็นสาเหตุของอาการปวดศีรษะได้ เช่น ก้อนเนื้องอก การติดเชื้อของระบบประสาทส่วนกลาง การอักเสบของหลอดเลือด ดังนั้นใครที่มีอาการปวดศีรษะครั้งแรกหลังอายุ 50 ปี จึงควรได้รับการเอกซเรย์สมองทุกราย ถึงแม้ว่าจะไม่พบความผิดปกติจากการตรวจร่างกายทางระบบประสาท
โรคปวดศีรษะปฐมภูมินั้น ไม่ใช่อาการปวดศีรษะที่มีผลจากการรับยา แต่เป็นการปวดศีรษะจากความเครียด ไมเกรน อาการปวดหัวแบบผสม และปวดแบบชุด ๆ

6.
ลักษณะอาการปวดศีรษะต่างจากอาการปวดศีรษะที่เป็นประจำ โดยเฉพาะอาการปวดศีรษะที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีช่วงเวลาหายปวด หรือมีความถี่และความรุนแรงมากขึ้น

7.
อาการปวดศีรษะที่แย่ลงเมื่อไอจามหรือเบ่ง มักสัมพันธ์กับความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้นเช่นกัน

8.
อาการปวดศีรษะที่แย่ลง เมื่อมีการเปลี่ยนท่าทาง เช่น ปวดมากขึ้นเมื่อยืน นอน หรือเมื่อมีการเคลื่อนไหวของศีรษะและคอ อาจเกิดจากความผิดปกติของระบบน้ำในโพรงสมองและไขสันหลัง หรือกระดูกต้นคอ

9.
อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นข้างเดียวตลอดเวลา หรือมักปวดบริเวณด้านหลังของศีรษะ แสดงถึงพยาธิสภาพที่อาจเกิดอยู่บริเวณนั้นของศีรษะ หากเป็นอาการปวดศีรษะทั่วไปมักมีการสลับข้างซ้ายขวาบ้าง แต่มักพบว่า จะปวดข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าอีกข้าง
     ท่านใดที่มีอาการปวดศีรษะอยู่แล้ว หรือปวดศีรษะครั้งแรกแล้วมีสัญญาณอันตรายดังที่ได้กล่าวข้างต้น ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ถึงแม้อาการของโรคปวดศีรษะจะไม่เป็นอันตราย แต่การรักษาอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ ทางที่ดีควรหมั่นสังเกตสัญญาณอันตราย หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น นั่นจะช่วยให้การวินิจฉัย และรักษาโรคได้ทันท่วงที

ไม่มีความคิดเห็น: