วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

เถ้าแก่น้อย (26 เม.ย. 2555)


          ผมจำได้ไม่ค่อยแม่นยำนักถึงตอนที่ตัวผมเองกินสาหร่ายทอดครั้งแรกเมื่อใด แต่จำได้แม่นยำว่าตอนที่กินครั้งแรกมันอร่อยมาก คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นตอนที่ผมเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 3 หรือปีที่ 4 นี่แหละ จากที่ผมไม่ค่อยชอบกินสาหร่ายสักเท่าไหร่เมื่อเพื่อน ๆ หรือใคร ๆ ซื้อสาหร่ายอบแห้งมาให้เป็นของฝาก ก็กินไป เอาไปให้คนอื่นกินบ้าง รสชาติที่ถูกปากของสาหร่ายทอดครั้งนั้นทำให้ผมชอบกินสาหร่ายทอดไปโดยปริยายและกินมาตลอดทุกวันนี้ ส่วนใหญ่ผมจะซื้อสาหร่ายทอดจากร้านสะดวกซื้อชื่อดังที่มีสาขาทั่วประเทศ
      ตอนแรกผมไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของที่ผลิตสาหร่ายทอดยี่ห้อนี้ พวกเราคงรู้จักสาหร่ายทอดยี่ห้อนี้ดี มันคือยี่ห้อ "เถ้าแก่น้อย" นั่นเอง ตอนที่ผมได้ลิ้มลองรสชาติที่อร่อยครั้งแรกนั้นไม่เคยรู้เลยว่าคนที่เป็นเจ้าของสาหร่ายยี่ห้อนี้เป็นเด็กผู้ชายที่อายุยังไม่ถึง 20 ปี ที่กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อผลิตให้เพียงพอกับคำสั่งซื้อของร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ผลจากการทำงานอย่างหนักและคำสั่งซื้อที่เข้ามาจำนวนมากทำให้ต้องขยายกิจการและกำลังการผลิตมาเรื่อย ๆ ปัจจุบันสาหร่ายทอดเถ้าแก่น้อยมียอดขายกว่า 2,000 ล้านบาท และยอดขายมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีการขยายช่องทางการขายในต่างประเทศมากขึ้น ผมนั่งอ่านประวัติของ ต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ เจ้าของสาหร่ายยี่ห้อดัง ผมเห็นถึงความกล้าและจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ของเขา เขาบอกว่ามีสิ่งเดียวที่เขาโชคดีกว่าเด็กคนอื่นคือรู้ว่าอยากเป็นอะไรตั้งแต่อายุ 18 ปี นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขามุ่งมั่นทำในสิ่งที่เขาอยากเป็นแม้จะมีอุปสรรคผ่านเข้ามาเขาไม่ยอมแพ้ กล้าสู้กับมันจนเป็นเจ้าของกิจการระดับพันล้านบาทได้ในวันนี้
      จริงอยู่ความสำเร็จของคนเราอาจจะไม่สามารถวัดด้วยความร่ำรวยที่คนคนนั้นสามารถสร้างมาได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ได้จากผู้ชายคนนี้คือความสุขที่เขาทำในสิ่งที่เขาอยากเป็น และมันทำให้เขาทำงานที่เขารักได้เป็นอย่างดี ผมนั่งคุยกับคนที่รู้จักหลายคน ผมชอบถามถึงงานที่เค้ารักหรือสิ่งที่เค้าชอบทำทำให้รู้ว่างาน ณ ปัจจุบันที่เขาเหล่านั้นทำอยู่เขาทำไปด้วยความจำเป็นบางอย่าง บางครั้งงานนั้น ๆ เป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบด้วยซ้ำไป แต่การจะเริ่มทำในสิ่งที่ตนเองรักมันอาจจะเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้ความกล้าหาญอย่างสูง ผมคงไม่กล้าที่จะบอกให้ใครลาออกจากงานประจำแล้วเริ่มทำสิ่งที่ตนเองรักทันที แต่สิ่งที่ทำได้คือ "ทำดีที่สุดในสิ่งที่เป็น และแม้ว่าไม่เป็นเช่นที่หวัง แต่จงทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด" เป็นคำแนะนำที่ผมได้รับจากหนุ่มเมืองจันท์
      สำหรับคนที่ทำงานในสิ่งที่ตนเองรัก ณ ปัจจุบัน ผมถือว่าคนคนนั้นโชคดีมาก อย่างไรก็ตามการทำสิ่งที่เรารักควบคู่ไปกับงานประจำมันเป็นสิ่งที่ทำได้ และผมคิดว่ามันน่าจะทำให้ชีวิตเราสมดุลมากขึ้น ในอนาคตข้างหน้า สิ่งที่เรารักมันอาจกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้เราอย่างมหาศาลก็เป็นได้ ขอให้เราเริ่มต้นและมุ่งมั่นทำมันให้ดีที่สุด ส่วนตัวผมเองค้นพบว่าตนเองชอบอะไรและกำลังเริ่มทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเช่นกัน เรื่องราวเป็นอย่างไร คอยติดตามกันนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น: