วันนี้ (27 พ.ค. 2555) ผมมีนัดกับเพื่อน ๆ อีก 6 คน ที่เคยเรียนห้องเดียวกันสมัยมัธยมเพื่อไปเยี่ยมเพื่อนคนหนึ่งที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เพื่อนคนนี้ทำงานเป็น flight attendant หรือ บริกรบนเครื่องบินของสายการบินหนึ่ง ที่เรารู้จักอีกชื่อคือ สจ๊วด (steward) นั่นเอง เพื่อนที่นัดกันไว้มีทั้งที่เป็นอายุรแพทย์จำนวน 2 คน นักบิน รองผู้อำนวยการทำงานที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารแห่งหนึ่ง อีกคนเท่าที่ทราบทำหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมดูแลเงินทุนสำรองของธนาคารและประสานงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย และอีกคนเป็นผู้ดูแลเครือข่ายของบริษัททีโอที การนัดหมายครั้งนี้มีเพื่อนที่มาตามนัดสองคนที่เหลือติดธุระและมีภาระกิจอื่น ๆ ที่สำคัญต้องทำ นี่เป็นบทเรียนหนึ่งที่สอนผมเรื่องการนัดหมายกับเพื่อน ๆ ที่อาจจะมีเพื่อนมาไม่ถึงร้อยละ 50 แต่ผมเข้าใจในภาระกิจสำคัญที่เพื่อน ๆ ต้องทำ อย่างไรก็ตามผมยังรู้สึกดีใจที่ได้พบกับเพื่อน ๆ ที่มาวันนี้ พอนั่งนึกถึงหน้าที่การงานของเพื่อน ๆ แล้ว แต่ละคนมีความเจริญก้าวหน้าและเติบโตในงานของตัวเองเป็นอย่างมาก ทำให้ผมแอบรู้สึกมีความภาคภูมิใจโรงเรียนของผมอยู่ไม่น้อยที่เป็นโรงเรียนในจังหวัดหนึ่งของภาคเหนือสามารถผลิตศิษย์เก่าออกไปรับใช้ชาติ อย่างทรนงองอาจดุจราชสีห์ ถึงตรงนี้เพื่อน ๆ ร่วมโรงเรียนเดียวกันคงรู้ว่าเคยได้ยินประโยคนี้ตอนไหน
ในส่วนเพื่อนผมที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น เนื่องด้วยประสบอุบัติเหตุถูกรถกระบะชนขณะกำลังเดินข้ามถนน ทำให้ศีรษะกระแทกกับฟุตบาทเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนเกิดเหตุมีคนเห็นคนขับที่ชนจอดรถดูเพื่อนผมที่นอนอยู่บนถนนแล้วขับรถหนีไป ไม่มีใครทราบว่าคนขับเป็นใครหรือจำทะเบียนรถได้ เพื่อนผมถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและได้ตรวจพบว่ามีเลือดออกในสมองจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อเอาเลือดที่คั่งในสมองออก การผ่าตัดเป็นไปด้วยความราบรื่น อาการของเพื่อนผมดีขึ้นตามลำดับ ขณะนี้เพื่อนผมพูดคุยรู้เรื่องจำทุก ๆ คนได้ อาการเกือบจะปกติแต่ยังมีอาการปวดศีรษะบ้างและกำลังจะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านแล้ว เพื่อนผมคนนี้เป็นนักกิจกรรมของโรงเรียน ทั้งรุ่นพี่ เพื่อนชั้นเรียนเดียวกัน และรุ่นน้องต่างรู้จักเขา ทุก ๆ เช้าเขาจะเป็นคนนำร้องเพลงชาติ สวดมนต์ ร้องเพลงสดุดีมหาราชา กล่าวคำปฏิญานตน เขาเข้าร่วมกิจกรรมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นของหมวดวิชาภาษาไทย หมวดวิชาสังคมศึกษา และยังเป็นนักกีฬาของโรงเรียนอีกด้วย กีฬาที่เขาชื่นชอบคือวอลเลย์บอล ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่เขาทำอีกมากซึ่งผมจำไม่ค่อยได้แล้ว ตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมทราบว่าเขาเป็นนักกิจกรรมและยังเป็นผู้นำของคณะที่เขาเรียนด้วยเช่นกัน เพื่อนคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีผมรู้จักเขาตั้งแต่ตอนเรียน ม. 1 เนื่องจากเรียนห้องเดียวกัน และได้เรียนห้องเดียวกันอีกครั้งตอน ม. 4 จนถึง ม. 6
เหตุการณ์อุบัติเหตุในครั้งนี้ทำให้ผมนึกถึงความไม่แน่นอนในชีวิตคนเราที่สามารถเกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อไหร่ก็ได้ พวกเราลองนึกดูว่าหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในที่ที่ไม่มีใครพบเห็นเพื่อนผมขณะเกิดเหตุเรื่องราวจะเป็นอย่างไร พวกเราบางคนอาจจะไม่กล้าตอบคำถามนี้ แต่ผมคิดว่ามันอาจจะเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ก็ได้ นี่คือเรื่องราวหนึ่งที่สอนเราให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อมาเสมอคือการทำความดีจะช่วยให้เราแคล้วคลาดปลอดภัยจากเรื่องร้ายแรงและเหตุการณ์ใหญ่หลวงได้ อาจมีบางคนกล่าวว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป หรือหลายคนอาจเห็นว่าความดีจะช่วยเราได้อย่างไรกัน อะไรคือสิ่งที่พิสูจน์เรื่องนี้ว่าเป็นจริง พวกเราเติบโตมาในโลกของวิทยาศาสตร์ทำให้บางคนคิดว่าเรื่องราวต่าง ๆ ในโลกนี้จะต้องมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนเสมอ เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมคิดว่าบางครั้งหลายเรื่องที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ณ ตอนนี้ ในอนาคตอีกสิบปี อีกร้อยปี อาจจะมีคนที่เขาสามารถพิสูจน์เรื่องเหล่านั้นได้ก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าความดีอาจจะเป็นพลังงานหนึ่งที่อยู่ในตัวเราและสามารถช่วยป้องกันเราจากความชั่วร้ายที่เป็นอีกพลังงานหนึ่งก็ได้ใครจะไปรู้ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการทำความดีทำให้โลกสงบสุข หรือแค่เราไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนโลกนี้ก็จะสงบสุขขึ้นมาก สำหรับพวกเราทุกคน ผมก็หวังให้พวกเราตั้งอยู่ในความไม่ประมาทไม่ว่าเรื่องใด ๆ และมุ่งมั่นทำความดีถึงแม้เราจะคิดว่ามันจะไปช่วยเราจากเรื่องร้าย ๆ ได้อย่างไร แต่อย่างน้อย ทำดี ดี ทำชั่ว ชั่ว ไม่ต้องคิดว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ก็ได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น